ตำแหน่ง “เหนือสุดแดนอิตาลี” อยู่ในแคว้นเล็กๆ ทางฝั่งตะวันออกนี่เองค่ะ ไม่น่าแปลกใจที่เมื่อไหร่เราพูดถึงแคว้นนี้ ก็มักจะนึกถึงภาพภูเขาสูง ทะเลสาปงาม หมู่บ้านเล็กๆ ในหุบเขามักจะเป็นสิ่งแรกๆ
“เตรนติโน-อัลโต อดิเจ” มีพรมแดนติดกับประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรีย มีแคว้นเพื่อนบ้านคือลอมบาร์เดียกับเวเนโต ประกอบด้วยสองจังหวัดเท่านั้นตามชื่อแคว้นเลยคือ เตรนติโน (Trentino) และ อัลโต อดิเจ (Alto Adige) (หรือ Südtirol/South Tyrol ในภาษาเยอรมัน/อังกฤษ)
ความเป็นเมืองชายแดนทำให้ดินแดนแถบนี้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ และต่อมาอยู่ใต้การปกครองของราชวงศ์ออสเตรียมีวัฒนธรรมที่ผสมผสาน จังหวัดเตรนติโนมีประชากรพูดภาษาอิตาลีเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่อัลโต อดิเจใช้ภาษาเยอรมันเป็นหลัก
Le Dolomiti e le tre cime di Lavaredo

เตรนติโน-อัลโต อดิเจเป็นแคว้นขนาดกลางๆ มีพื้นที่ทั้งหมด 13,607 ตร.กม. แต่กลับเป็นแคว้นหนึ่งที่มีประชากรเบาบางที่สุดในอิตาลีเพราะความที่พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูงนั่นเอง
เทือกเขาโดโลมิติ (Le Dolomiti) เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาแอลป์ที่พาดมาทางทิศตะวันออก มีอาณาเขตครอบคลุมไปถึงสามแคว้นคือเตรนติโน-อัลโต อดิเจ เวเนโต และฟริอูลิ-เวเนเซีย จูเลีย ชื่อของเทือกเขามาจากหินคาร์บอเนตโดโลไมต์ซึ่งมีสีขาวเทา ทำให้บางครั้งมันถูกเรียกว่า monti pallidi หรือ “ภูเขาสีจาง”
สภาพภูมิประเทศสูงชันทำให้เทือกเขาโดโลมิติเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเป็นที่นิยมตลอดทั้งปี ในหน้าหนาวที่นี่เป็นจุดนับพบของนักเล่นสกีตามสกีรีสอร์ทดังๆ เช่น Madonna di Campiglio, Canazei หรือ Moena ในหน้าร้อนที่อากาศเย็นสบายก็มีเส้นทางเดินปีนเขาชื่นชมธรรมชาติมากมายนับไม่ถ้วน
รูปที่เราเอามาให้ดูคือ Tre cime di Lavaredo ซึ่งเป็นจุดแลนด์มาร์กชื่อดังแห่งหนึ่งของโดโลมิติ ยอดเขาทั้งสามมี cima grande เป็นพี่ใหญ่ มีความสูงถึง 2,999 เมตร
Lago di Braies

นอกจากภูเขาสูงเตรนติโน-อัลโต อดิเจก็หนาแน่นไปด้วยทะเลสาปสวยๆ มากมาย Lago di Caldonazzo (Gallonötschsee) เป็นทะเลสาปที่ใหญ่ที่สุดภายในแคว้นอยู่ในจังหวัดเตรนโต, Lago di Resia (Reschensee) ทะเลสาปที่โดดเด่นเพราะมีหอระฆังโผล่ขึ้นมากลางน้ำอย่างมหัศจรรย์ แต่จริงๆ แล้วเกิดมาจากการปล่อยน้ำลงไปท่วมหมู่บ้านในหุบเขาเพื่อสร้างเขื่อน, ทะเลสาป Lago di Carezza (Karersee) อีกหนึ่งสถานที่ยอดฮิตที่นักท่องเที่ยวต้องดั้นด้นไป ตามตำนานเล่าว่าพ่อมดแห่งหุบเขา Latemar ที่อยู่ใกล้กันเกิดหลงรักพรายน้ำสาวที่อาศัยอยู่ในทะเลสาปจึงเสกรุ้งขึ้นมาตัวหนึ่งเพื่อล่อนางออกมาจนสำเร็จ แต่พอนางรู้ว่าพ่อมดอยู่เบื้องหลังเลยตกใจกลัวจนหนีไป พ่อมดโกรธมากคว้ารุ้งมาโยนลงในทะเลสาปจนแตกกระจายกลายเป็นผืนน้ำใสแจ๋วราวกับกระจกที่เราเห็นอยู่ทุกวันนี้
ส่วนในรูปคือ Lago di Braies(Pragser Wildsee) ที่ได้รับสมญาว่าเป็นไข่มุกแห่งเทือกเขาแอลป์ นอกจากผืนน้ำสีเขียวมรกตสลับแนวป่าและเทือกเขาแล้วที่นี่ยังมีประวัติศาสตร์น่าสนใจ เพราะช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่สองทหาร SS ของเยอรมันเคยนำนักโทษ 141 คนซึ่งในจำนวนนั้นมีบุคคลสำคัญระดับชาติยุโรปรวมอยู่ด้วยมาขังไว้เป็นตัวประกันที่โรงแรม Pragser Wildsee ก่อนที่กองทัพอเมริกันจะมาช่วยไว้ได้ ปัจจุบันโรงแรมนี้ยังตั้งอยู่ริมทะเลสาปเช่นเดิม
Riva del garda

พื้นที่ทางเหนือของทะเลสาปที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลีคือ Lago di garda นั้นยื่นเข้ามาในเตรนติโน-อัลโต อดิเจด้วย ที่นี่มี Riva del garda เป็นจุดแวะพักที่สำคัญ นอกจากจะเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองในบรรดาเมืองรอบๆ ทะเลสาปการ์ดาแล้ว ยังเป็นสถานที่น่ารักน่าเที่ยวเพราะมีประวัติศาสตร์เก่าแก่ มีป้อมและหอคอยยุคกลาง และประตูเมืองที่สร้างโดยชาวเวนิสในศตวรรษที่ 11 หลงเหลือให้เที่ยวชม เป็นเมืองแห่งวัฒนธรรมที่มีการจัดกิจกรรมน่าสนใจในหน้าร้อน เช่น มิวสิกเฟสติวัลหรืองานดนตรีแจ๊ส อยู่เสมอ ทั้งหมดนี้มีเทือกเขาโดโลมิติเป็นฉากหลังอันยิ่งใหญ่ดูตระการตาขึ้นไปอีก
Ortisei

คงจินตนาการได้ไม่ยากนักว่าในเทือกเขาโดโลมิติคงจะมีหมู่บ้านเล็กๆ ซ่อนอยู่มากมาย แต่ที่เราภูมิใจนำเสนอเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ชื่อ ออร์ติเซอิ ที่น่ารักราวกับหลุดออกมาจากนิทาน หมู่บ้านนี้อยู่ในหุบเขา Val Gardena จังหวัดอัลโต อดิเจที่ปัจจุบันยังคงใช้ภาษาพื้นเมืองที่ชื่อว่า Ladin เป็นหลัก
ที่นี่โด่งดังเรื่องการแกะสลักไม้เช่นเดียวกับหมู่บ้านอื่นๆ ในหุบเขา และถนนในเมืองที่เชื่อมระหว่างโบสต์นักบุญ S.Ulrich (ซึ่งเป็นชื่อเมืองในภาษาเยอรมัน) กับโบสถ์นักบุญอันโตนิโอ ซึ่งเต็มไปด้วยอาคารน่ารักๆ สองข้างทางก็ถูกยกย่องว่าเป็นถนนคนเดินที่สวยที่สุดในโดโลมิติเลยทีเดียว ใครชอบอะไรจุ๋มจิ๋มพาสเทลจะต้องกรี๊ดมาก
I mercatini di Natale

บรรยากาศหุบเขาเย็นๆ น่ารักๆ แบบในแคว้นเตรนติโน-อัลโต อดิเจนี่เหมาะกับเทศกาลคริสมาต์ที่สุดเลย และเนื่องจากมีพรมแดนอยู่ติดกับออสเตรีย เมืองแถบนี้เลยมีการจัด mercatino di natale หรือตลาดนัดที่ขายของเข้ากับบรรยากาศงานคริสมาสต์ตามแบบที่พบได้ในเยอรมนี ออสเตรียและสวิตเซอร์แลนด์
สถานที่ที่จัด mercatino di natale ออกมาได้น่ารักจนถูกกล่าวขวัญถึงอยู่เสมอคือแถบๆ เมือง Bolzano (Bozen) ในอัลโต อดิเจ ในงานจะมีทั้งอาหารและของกระจุ๊กกระจิ๊กในตีมวันคริสมาสต์ มีไวน์อุ่น vin brule’ ที่นิยมดื่มกันในเทศกาล มีสวนสนุกย่อมๆ หรืออาจจะมีการแสดงดนตรี ฟังดูเป็นบรรยากาศวินเทอร์วันเดอร์แลนด์จริงๆ
รูปประกอบคือตลาดในเมือง Bressanone (Brixen) ที่อยู่ในอัลโต อดิเจเช่นกัน
Vipiteno

ตัวอย่างเมืองน่ารักอีกแห่งที่พบได้ทั่วไปในแถบนี้ วิปิเตโน อยู่บนเส้นทางหลวงจากอิตาลีไปเชื่อมกับ Innsbruck ของออสเตรีย ในภาพเป็นถนนใจกลางเมือง มีหอคอยศตวรรษที่ 15 ที่ทำหน้าที่แบ่งเขตเมืองเก่าและใหม่ออกจากกัน
Speck

มาถึงเรื่องอาหารการกินกันบ้าง Speck ซึ่งเป็น cold cut ที่บ้านเราก็เจอบ่อยโดยเฉพาะเอาไปทำเป็นพาสต้าหรือหน้าพิซซ่าคู่กับชีสกอร์กอนโซลา มีต้นกำเนิดจากแคว้นนี้นี่เองค่ะ ชื่อเรียกไม่ค่อยเหมือนคำภาษาอิตาลีเท่าไหร่ เพราะมันมาจากภาษาเยอรมันที่แปลว่าไขมันหมูนั่นเอง รสชาติและวิธีทำ speck จะมีความคล้ายกับ prosciutto crudo แต่ที่ต่างคือใช้เวลาบ่มน้อยกว่าและมีการรมควันเพิ่มด้วย
Canederli

หนึ่งในอาหารจานเด็ดที่หาทานได้ในแถบนี้ ดัดแปลงมาจาก Knödel ของเยอรมนีแต่ของที่นี่จะใช้ Speck เป็นส่วนผสมแทน โดยปั้นรวมกับขนมปัง นม ไข่เป็นก้อนกลมแล้วเอามาต้มในน้ำเกลือ เวลาทานจะคู่กับน้ำซุปหรือทานเดี่ยวๆ ก็ได้ ถ้าอยากเพิ่มชีสก็สามารถหั่นแล้วสอดไว้ตรงกลางก่อนต้มเวลาจะสุกก็จะได้ไส้ชีสเหลวๆ เวลากัดเข้าไป