ซาร์เดญญา ดินแดนที่เต็มไปด้วยแสงแดด ท้องฟ้าเจิดจ้า และทะเลแสนงามแห่งเมดิเตอร์เรเนียน
แคว้นที่คนอิตาเลียนด้วยกันเองมักจะนึกถึงเมื่อฤดูร้อนผ่านเข้ามา ถือเป็นจุดมุ่งหมายหลักของผู้พักร้อน ด้วยว่าแคว้นนี้ถือว่ามีหาดทราย ทะเลสีฟ้าคราม ที่คนอิตาเลียนเองมักพูดว่าสวยที่สุดในอิตาลี เนื่องจากทะเลหลายๆ แห่งของอิตาลีมักจะเป็นหาดหิน แต่ที่ซาร์เดญญามีหาดทรายขาวละเอียดให้ได้นอนอาบแดดกัน ที่แห่งนี้เลยเป็นสวรรค์แห่งการพักร้อนของคนอิตาลี และคนยุโรปจากหลายประเทศ
Cagliari

กาลยารี เมืองหลวง และเมืองหลักของแคว้น และเกาะซาร์ดิเนีย Cagliari ในภาษาซาร์โด คือ Casteddu มีความหมายว่า ปราสาท ป้อมปราการ ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์เมืองกาลยารีมีประวัติยาวนานถึงกว่าห้าพันปี ทำให้เมืองนี้มีอนุสาวรีย์ และสถาปัตยกรรมที่หลากหลาย อีกทั้งยังเป็นเมืองท่าที่ สำคัญอีกแห่งหนึ่งของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอีกด้วย
Sella del Diavolo

จุดชมวิวที่มองเห็นชายหาด Poetto (โปเอตโต) ซึ่งเป็นชายหาดหลักของเมืองกาลยารี ชายหาดมีความยาวประมาณ 8 กิโลเมตร
Alghero

อัลเกโร เมืองท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งหนึ่งของเกาะแห่งนี้ ภายในตัวเมืองเก่ามีความน่ารัก มีเสน่ห์ ด้วยความที่เคยตกเป็นเมืองในปกครองของสเปน จึงมีอิทธิพลของวัฒนธรรมสเปนแฝงตัวอยู่ โดยเฉพาะวัฒนธรรมคาตาลัน (Catalan) นอกจากเมืองเก่าก็ยังมีชายหาดสวยงามกระจายตัวอยู่รอบๆ อีกด้วย
Spiaggia La Pelosa

ลา เปโลซา ชายหาดที่ได้ชื่อว่าน้ำใส กว่าน้ำในสระน้ำแห่งนี้ ตั้งอยู่ที่เมือง Stintino (สตินติโน) เมืองเล็กๆ ห่างจากอัลเกโรเพียง 45 กิโลเมตรเท่านั้น
Capo Caccia

คาโป คัชชา เป็นศูนย์อนุรักษ์ทางทะเล l’Area naturale marina protetta Capo Caccia – Isola Piana ตั้งอยู่ภายในเมืองอัลเกโร คาโป คัชชา เป็นแหลมหินปูนยื่นไปในทะเล ตั้งเด่นเป็นสง่ากลางทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีความสูงประมาณ 180 เมตร บนจุดชมวิวมีประภาคารที่ยังคงใช้งานตั้งอยู่บนนั้นด้วย หากใครมีโอกาสไปเที่ยวอัลเกโรก็ควรต้องไปที่นี่ด้วย วิวที่มองลงมาจากด้านบนจะ เห็นวิวทั้งอ่าวอัลเกโร รอบทิศ
นอกจากนี้ภายในบริเวณคาโป คัชชา ยังมีถ้ำหลายแห่ง ทั้งบนดิน และใต้ทะเลที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้บางส่วนด้วย ที่เด่นๆ ก็คือ Grotte di Nettuno ในภาพถัดไป
Grotte di Nettuno

กรอตเต ดิ เนตตูโน ถ้ำที่สามารถเข้าชมได้ 2 ทางคือ เดินลงบันไปกว่า 600 ขั้น หรือนั่งเรือเข้าไปชมถ้ำสวยๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้น อยู่ กับอากาศว่าจะเอื้ออำนวยหรือไม่ด้วย ภายในถ้ำมีหินงอก หินย้อยสวยงาม จริงๆ ถ้ำมีความยาวถึงประมาณ 4 กิโลเมตรเลยทีเดียว แต่เปิดให้เข้าชมได้เพียงไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้น สมัยก่อนถ้ำแถวนี้เป็นที่ อยู่อาศัยของแมวน้ำ แต่ปัจจุบันแมวน้ำหายไปหมดแล้วเนื่องมาจากมีการล่า แมวน้ำ ที่โหดร้ายอยู่ช่วง สมัยหนึ่ง
Bosa

โบซา หมู่บ้านเล็กๆ ตั้งอยุ่ในจังหวัด Oristano (ออริสตาโน) ทางภาคกลางตะวันตกของเกาะ โบซา ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดในอิตาลี ทุกคนคงนึกถึงสีสันของ เกาะบูราโนแห่งเวนิสออก หมู่บ้านโบซาแห่งนี้ก็เช่นกัน สีพาสเทลที่แต่งแต้มบ้านแต่ละหลัง ทำให้หมู่บ้านนี้น่าหลงใหลอยู่ไม่ใช่น้อย เสน่ห์ของโบซาอีกอย่าง คือ การผสมผสานระหว่างความเก่าแก่แบบยุคกลาง และความทันสมัยของเมืองปัจจุบัน เมืองเก่าจะตั้งอยู่ตีนเขา ถนนภายในเมืองเก่าเป็นถนนคนเดินเท่านั้น เพราะถนนแคบมาก นอกจากนี้โบซายังเป็นเมือง ที่มี แม่น้ำ Temo (เตโม) ผ่านกลางเมือง ห่างจากตัวเมืองออกไปเพียง 2-3 กิโลเมตร ก็จะเจอกับชายหาด เรียกได้ว่ามาที่เดียว ได้ทั้งบรรยากาศเมืองริมน้ำและริมทะเลเลยทีเดียว
เรื่องของกินก็ไม่น้อยหน้า โบซายังโด่งดังเรื่องไวน์ และน้ำมันมะกอก ที่เป็นที่รู้จักคือ Malvasia ใครมาเที่ยวต้องลองดื่มกันดู
Costa Smeralda

คอสตา สเมรัลดา สถานที่เรียกได้ว่าโด่งดัง ที่สุดในเกาะแห่งนี้ ก็ว่าได้ ชายหาดนี้มีความยาวถึง 20 กิโลเมตร ตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของซาร์เดญญา หาดทรายละเอียด น้ำทะเลสีเทอร์ควอยซ์สวรรค์ของผู้หลงรักทะเลที่แท้จริง ว่ากันว่าที่แห่งนี้ราคาอสังหาริมทรัพย์มีราคาสูงที่สุดในยุโรปเลยทีเดียว คนที่แวะเวียนมาพักร้อนก็มีทั้งดาราฮอลลีวู้ด นักการเมือง นักฟุตบอล เศรษฐีต่างๆ จากทั่วโลกนั่นเอง ไม่แปลกใจเลยที่คนอิตาเลียนด้วยกันเองมักพูดว่า ไปเที่ยวต่างประเทศยัง ถูกกว่ามาพักร้อนที่เกาะแห่งนี้ ซึ่งก็หมายถึงการมา Costa Smeralda นั่นเอง
ภาพนี้คือ Porto Cervo (ปอร์โต แชร์โว) เมืองหลักของคอสตา สเมรัลดา เมืองท่าที่มีทุกอย่าง ร้านอาหาร บาร์ ราคาแรง และแหล่งช้อปปิ้งที่ ละลายเงินอย่างรวดเร็ว เพราะที่แห่งนี้เต็มไปด้วยผู้มีอันจะกินมาพักร้อนนั่นเอง
Arcipelago della Maddalena

หมู่เกาะมัดดาเลนา ตั้งอยู่ระหว่างเกาะซาร์เดญญา และคอร์ซิกา ของฝรั่งเศส มีเกาะหลักทั้งหมด 7 เกาะ คือ La Maddalena, Caprera, Santo Stefano, Budelli, Santa Maria, Razzoli และ Spargi และมีเกาะเล็กเกาะน้อยกระจายตัวรอบๆ ถึง 60 เกาะ หมู่เกาะ แห่งนี้ยังได้รับขึ้นทะเบียนเป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลในปี ค.ศ. 1994 อีกด้วย ความสวยงามของหมู่เกาะแห่งนี้ ไม่ใช่มีดีแค่ชายหาด และน้ำทะเลเท่านั้น ความหลากหลายของพืชพันธุ์ และสัตว์ต่างๆ ยังมีเยอะอีกด้วย วิธีที่ดีที่สุดในการท่องเที่ยวหมู่เกาะแห่งนี้คือการเช่าเรือใบ แล้วแล่นไปตามเกาะแก่งน้อยๆ
ภาพนี้คือชายหาดเล็กๆ ของ Cala Coticcio แห่งเกาะ Caprera หนึ่งใน 7 เกาะหลักๆ ของหมู่เกาะแห่งนี้
Su Nuraxi di Barumini

ซู นูราชิ แห่งเมือง บารูมินิ ป้อมปราการที่มีลักษณะไม่เหมือนที่ใดในโลก กลุ่มของ Nuraghe (นูราเก) ป้อมปราการที่มีกระจายทั่วไปในเกาะซาร์ดิเนียแห่งนี้ แต่ที่นี่มีลักษณะสมบูรณ์ที่สุดจนได้รับการจดบันทึกเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก นูราเกแห่งนี้คาดว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยยุคสัมฤทธิ์ก่อนประวัติศาสตร์ หรือประมาณ 1600-1200 ปีก่อนคริสตกาล หรือสามพันกว่าปีมาแล้วนั่นเอง
จริงๆ นูราเกมีให้เห็นหลายแห่งในเกาะซาร์ดิเนีย ประมาณ 7,000 แห่งทั่วเกาะ คาดว่าจริงๆ แล้วในอดีตมีมากกว่า 10,000 แห่ง จุดประสงค์ที่แท้จริงไม่ปรากฎแน่ชัดว่าสร้างขึ้นมาเพื่ออะไร อาจจะเป็นได้ทั้งที่อยู่ของผู้ปกครองถิ่น ป้อมปราการ จุดนัดพบของชุมชน วิหารทางศาสนา หรือแม้แต่ที่อยู่อาศัยทั่วไป แต่ที่แน่ๆ คือนูราเกพบได้ที่เกาะซาร์ดิเนียแห่งเดียวเท่านั้น
Gennargentu

เจนนาร์เจนตู เทือกเขาใหญ่ตั้งเด่นเป็นสง่าตอนกลางของเกาะซาร์ดิเนีย บริเวณเทือกเขานี้มียอดเขาที่สูงที่สุดในเกาะด้วย ตั้งอยู่ในจังหวัด Nuoro (นูโอโร) และจังหวัด Sud Sardegna (ซุด ซาร์เดญญา) บริเวณเทือกเขามีพันธุ์พืชและสัตว์ที่หลากหลาย บางสายพันธุ์มีแค่บริเวณนี้เท่านั้น ทำให้ทางการอิตาลีขึ้นทะเบียนบริเวณนี้เป็นอุทยานแห่งชาติ Parco nazionale del Golfo di Orosei e del Gennargentu (อุทยานแห่งชาติ เดล กอลโฟ ดิ โอโรเซ เอ เดล เจนนาร์เจนตู)
เนื่องจากอุทยานแห่งนี้กินบริเวณกว้างทำให้สภาพภูมิประเทศที่หลากหลาย ทั้งที่ราบสูงเชิงเขา ที่ราบลุ่มแม่น้ำ และยังกินบริเวณไปถึงชายทะเลอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นอุทยานแห่งชาติทางบกและทางทะเลอย่างแท้จริง ภายในบริเวณนี้มีแม่น้ำสายสำคัญของเกาะซาร์ดิเนียไหลผ่านสองสายคือ แม่น้ำ Cedrino (เชดริโน) ทางตอนเหนือและ Flumendosa (ฟลูเมนโดซา) ทางตอนใต้ กิจกรรมก็มีให้ทำหลากหลาย ทั้งสายเดินป่า ปีนเขา ล่องเรือ กินลมชมทะเล ต้องบอกว่าชายหาดที่ยาวกว่า 40 กิโลเมตรของอุทยานแห่งนี้ เรียกได้ว่าไม่มีการตั้งรกรากของผู้คนอาศัยอยู่เลย มีแต่ชายหาดเล็กๆ ที่ยังเป็นธรรมชาติมากๆ ให้เราไปเล่นน้ำอาบแดดกันได้
Cala Goloritzè

คาลา โกโลริตเซ ชายหาดที่เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติ Parco nazionale del Golfo di Orosei e del Gennargentu
Mirto

มิร์โต เครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ รสชาติหวาน มีกลิ่นหอม ทำมาจากลูก Myrthle ถือเป็นเครื่องดื่มประเภท Digestif ไว้ดื่มหลังอาหาร เพื่อช่วยย่อย แช่เย็นๆ แล้วดื่มจะเพลินมากค่ะ ใครไปเที่ยวแนะนำให้ลองชิม ซื้อกลับมาเป็นของฝากก็ดี
Seadas

เซอาดัส ของหวานที่ทำจากชีสชุบแป้งทอด แล้วราดด้วยน้ำผึ้ง เป็นของหวานชื่อดังแห่งซาร์เดญญา อร่อย และหนักหน่วงท้องอยู่เอาการ ทานหลังอาหารอาจจะหนักไปสักหน่อย ควรกินเป็นของว่างจะดีกว่า ใครสายแป้ง สายชีสต้องชอบแน่ๆ หนึบๆ หอมน้ำผึ้ง ทานแล้วติดใจแน่ๆ