:::Italy by Region:::SARDEGNA

ซาร์เดญญา ดินแดนที่เต็มไปด้วยแสงแดด ท้องฟ้าเจิดจ้า และทะเลแสนงามแห่งเมดิเตอร์เรเนียน

แคว้นที่คนอิตาเลียนด้วยกันเองมักจะนึกถึงเมื่อฤดูร้อนผ่านเข้ามา ถือเป็นจุดมุ่งหมายหลักของผู้พักร้อน ด้วยว่าแคว้นนี้ถือว่ามีหาดทราย ทะเลสีฟ้าคราม ที่คนอิตาเลียนเองมักพูดว่าสวยที่สุดในอิตาลี เนื่องจากทะเลหลายๆ แห่งของอิตาลีมักจะเป็นหาดหิน แต่ที่ซาร์เดญญามีหาดทรายขาวละเอียดให้ได้นอนอาบแดดกัน ที่แห่งนี้เลยเป็นสวรรค์แห่งการพักร้อนของคนอิตาลี และคนยุโรปจากหลายประเทศ

Cagliari

Credit: iStock/SeanPavonePhoto

กาลยารี เมืองหลวง และเมืองหลักของแคว้น และเกาะซาร์ดิเนีย Cagliari ในภาษาซาร์โด คือ Casteddu มีความหมายว่า ปราสาท ป้อมปราการ ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์เมืองกาลยารีมีประวัติยาวนานถึงกว่าห้าพันปี ทำให้เมืองนี้มีอนุสาวรีย์ และสถาปัตยกรรมที่หลากหลาย อีกทั้งยังเป็นเมืองท่าที่ สำคัญอีกแห่งหนึ่งของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอีกด้วย

Sella del Diavolo

Credit: iStock/Stegarau

จุดชมวิวที่มองเห็นชายหาด Poetto (โปเอตโต) ซึ่งเป็นชายหาดหลักของเมืองกาลยารี ชายหาดมีความยาวประมาณ 8 กิโลเมตร

Alghero

Credit: iStock/Katatonia82

อัลเกโร เมืองท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งหนึ่งของเกาะแห่งนี้ ภายในตัวเมืองเก่ามีความน่ารัก มีเสน่ห์ ด้วยความที่เคยตกเป็นเมืองในปกครองของสเปน จึงมีอิทธิพลของวัฒนธรรมสเปนแฝงตัวอยู่ โดยเฉพาะวัฒนธรรมคาตาลัน (Catalan) นอกจากเมืองเก่าก็ยังมีชายหาดสวยงามกระจายตัวอยู่รอบๆ อีกด้วย

Spiaggia La Pelosa

Credit: iStock/Kasto80

ลา เปโลซา ชายหาดที่ได้ชื่อว่าน้ำใส กว่าน้ำในสระน้ำแห่งนี้ ตั้งอยู่ที่เมือง Stintino (สตินติโน) เมืองเล็กๆ ห่างจากอัลเกโรเพียง 45 กิโลเมตรเท่านั้น

Capo Caccia

Credit: iStock/Gabriele Maltinti

คาโป คัชชา เป็นศูนย์อนุรักษ์ทางทะเล l’Area naturale marina protetta Capo Caccia – Isola Piana ตั้งอยู่ภายในเมืองอัลเกโร คาโป คัชชา เป็นแหลมหินปูนยื่นไปในทะเล ตั้งเด่นเป็นสง่ากลางทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีความสูงประมาณ 180 เมตร บนจุดชมวิวมีประภาคารที่ยังคงใช้งานตั้งอยู่บนนั้นด้วย หากใครมีโอกาสไปเที่ยวอัลเกโรก็ควรต้องไปที่นี่ด้วย วิวที่มองลงมาจากด้านบนจะ เห็นวิวทั้งอ่าวอัลเกโร รอบทิศ

นอกจากนี้ภายในบริเวณคาโป คัชชา ยังมีถ้ำหลายแห่ง ทั้งบนดิน และใต้ทะเลที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้บางส่วนด้วย ที่เด่นๆ ก็คือ Grotte di Nettuno ในภาพถัดไป

Grotte di Nettuno

Credit: iStock/T_o_m_o

กรอตเต ดิ เนตตูโน ถ้ำที่สามารถเข้าชมได้ 2 ทางคือ เดินลงบันไปกว่า 600 ขั้น หรือนั่งเรือเข้าไปชมถ้ำสวยๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้น อยู่ กับอากาศว่าจะเอื้ออำนวยหรือไม่ด้วย ภายในถ้ำมีหินงอก หินย้อยสวยงาม จริงๆ ถ้ำมีความยาวถึงประมาณ 4 กิโลเมตรเลยทีเดียว แต่เปิดให้เข้าชมได้เพียงไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้น สมัยก่อนถ้ำแถวนี้เป็นที่ อยู่อาศัยของแมวน้ำ แต่ปัจจุบันแมวน้ำหายไปหมดแล้วเนื่องมาจากมีการล่า แมวน้ำ ที่โหดร้ายอยู่ช่วง สมัยหนึ่ง

Bosa

Credit: iStock/CJ_Romas

โบซา หมู่บ้านเล็กๆ ตั้งอยุ่ในจังหวัด Oristano (ออริสตาโน) ทางภาคกลางตะวันตกของเกาะ โบซา ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดในอิตาลี ทุกคนคงนึกถึงสีสันของ เกาะบูราโนแห่งเวนิสออก หมู่บ้านโบซาแห่งนี้ก็เช่นกัน สีพาสเทลที่แต่งแต้มบ้านแต่ละหลัง ทำให้หมู่บ้านนี้น่าหลงใหลอยู่ไม่ใช่น้อย เสน่ห์ของโบซาอีกอย่าง คือ การผสมผสานระหว่างความเก่าแก่แบบยุคกลาง และความทันสมัยของเมืองปัจจุบัน เมืองเก่าจะตั้งอยู่ตีนเขา ถนนภายในเมืองเก่าเป็นถนนคนเดินเท่านั้น เพราะถนนแคบมาก นอกจากนี้โบซายังเป็นเมือง ที่มี แม่น้ำ Temo (เตโม) ผ่านกลางเมือง ห่างจากตัวเมืองออกไปเพียง 2-3 กิโลเมตร ก็จะเจอกับชายหาด เรียกได้ว่ามาที่เดียว ได้ทั้งบรรยากาศเมืองริมน้ำและริมทะเลเลยทีเดียว

เรื่องของกินก็ไม่น้อยหน้า โบซายังโด่งดังเรื่องไวน์ และน้ำมันมะกอก ที่เป็นที่รู้จักคือ Malvasia ใครมาเที่ยวต้องลองดื่มกันดู

Costa Smeralda

Credit: iStock/RomanBabakin

คอสตา สเมรัลดา สถานที่เรียกได้ว่าโด่งดัง ที่สุดในเกาะแห่งนี้ ก็ว่าได้ ชายหาดนี้มีความยาวถึง 20 กิโลเมตร ตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของซาร์เดญญา หาดทรายละเอียด น้ำทะเลสีเทอร์ควอยซ์สวรรค์ของผู้หลงรักทะเลที่แท้จริง ว่ากันว่าที่แห่งนี้ราคาอสังหาริมทรัพย์มีราคาสูงที่สุดในยุโรปเลยทีเดียว คนที่แวะเวียนมาพักร้อนก็มีทั้งดาราฮอลลีวู้ด นักการเมือง นักฟุตบอล เศรษฐีต่างๆ จากทั่วโลกนั่นเอง ไม่แปลกใจเลยที่คนอิตาเลียนด้วยกันเองมักพูดว่า ไปเที่ยวต่างประเทศยัง ถูกกว่ามาพักร้อนที่เกาะแห่งนี้ ซึ่งก็หมายถึงการมา Costa Smeralda นั่นเอง

ภาพนี้คือ Porto Cervo (ปอร์โต แชร์โว) เมืองหลักของคอสตา สเมรัลดา เมืองท่าที่มีทุกอย่าง ร้านอาหาร บาร์ ราคาแรง และแหล่งช้อปปิ้งที่ ละลายเงินอย่างรวดเร็ว เพราะที่แห่งนี้เต็มไปด้วยผู้มีอันจะกินมาพักร้อนนั่นเอง 

Arcipelago della Maddalena

Credit: iStock/Daniele Macis

หมู่เกาะมัดดาเลนา ตั้งอยู่ระหว่างเกาะซาร์เดญญา และคอร์ซิกา ของฝรั่งเศส มีเกาะหลักทั้งหมด 7 เกาะ คือ La Maddalena, Caprera, Santo Stefano, Budelli, Santa Maria, Razzoli และ Spargi และมีเกาะเล็กเกาะน้อยกระจายตัวรอบๆ ถึง 60 เกาะ หมู่เกาะ แห่งนี้ยังได้รับขึ้นทะเบียนเป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลในปี ค.ศ. 1994 อีกด้วย ความสวยงามของหมู่เกาะแห่งนี้ ไม่ใช่มีดีแค่ชายหาด และน้ำทะเลเท่านั้น ความหลากหลายของพืชพันธุ์ และสัตว์ต่างๆ ยังมีเยอะอีกด้วย วิธีที่ดีที่สุดในการท่องเที่ยวหมู่เกาะแห่งนี้คือการเช่าเรือใบ แล้วแล่นไปตามเกาะแก่งน้อยๆ

ภาพนี้คือชายหาดเล็กๆ ของ Cala Coticcio แห่งเกาะ Caprera หนึ่งใน 7 เกาะหลักๆ ของหมู่เกาะแห่งนี้

Su Nuraxi di Barumini

ซู นูราชิ แห่งเมือง บารูมินิ ป้อมปราการที่มีลักษณะไม่เหมือนที่ใดในโลก กลุ่มของ Nuraghe (นูราเก) ป้อมปราการที่มีกระจายทั่วไปในเกาะซาร์ดิเนียแห่งนี้ แต่ที่นี่มีลักษณะสมบูรณ์ที่สุดจนได้รับการจดบันทึกเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก นูราเกแห่งนี้คาดว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยยุคสัมฤทธิ์ก่อนประวัติศาสตร์ หรือประมาณ 1600-1200 ปีก่อนคริสตกาล หรือสามพันกว่าปีมาแล้วนั่นเอง

จริงๆ นูราเกมีให้เห็นหลายแห่งในเกาะซาร์ดิเนีย ประมาณ 7,000 แห่งทั่วเกาะ คาดว่าจริงๆ แล้วในอดีตมีมากกว่า 10,000 แห่ง จุดประสงค์ที่แท้จริงไม่ปรากฎแน่ชัดว่าสร้างขึ้นมาเพื่ออะไร อาจจะเป็นได้ทั้งที่อยู่ของผู้ปกครองถิ่น ป้อมปราการ จุดนัดพบของชุมชน วิหารทางศาสนา หรือแม้แต่ที่อยู่อาศัยทั่วไป แต่ที่แน่ๆ คือนูราเกพบได้ที่เกาะซาร์ดิเนียแห่งเดียวเท่านั้น

Gennargentu

Credit: iStock/elisalocci

เจนนาร์เจนตู เทือกเขาใหญ่ตั้งเด่นเป็นสง่าตอนกลางของเกาะซาร์ดิเนีย บริเวณเทือกเขานี้มียอดเขาที่สูงที่สุดในเกาะด้วย ตั้งอยู่ในจังหวัด Nuoro (นูโอโร) และจังหวัด Sud Sardegna (ซุด ซาร์เดญญา) บริเวณเทือกเขามีพันธุ์พืชและสัตว์ที่หลากหลาย บางสายพันธุ์มีแค่บริเวณนี้เท่านั้น ทำให้ทางการอิตาลีขึ้นทะเบียนบริเวณนี้เป็นอุทยานแห่งชาติ Parco nazionale del Golfo di Orosei e del Gennargentu (อุทยานแห่งชาติ เดล กอลโฟ ดิ โอโรเซ เอ เดล เจนนาร์เจนตู)

เนื่องจากอุทยานแห่งนี้กินบริเวณกว้างทำให้สภาพภูมิประเทศที่หลากหลาย ทั้งที่ราบสูงเชิงเขา ที่ราบลุ่มแม่น้ำ และยังกินบริเวณไปถึงชายทะเลอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นอุทยานแห่งชาติทางบกและทางทะเลอย่างแท้จริง ภายในบริเวณนี้มีแม่น้ำสายสำคัญของเกาะซาร์ดิเนียไหลผ่านสองสายคือ แม่น้ำ Cedrino (เชดริโน) ทางตอนเหนือและ Flumendosa (ฟลูเมนโดซา) ทางตอนใต้ กิจกรรมก็มีให้ทำหลากหลาย ทั้งสายเดินป่า ปีนเขา ล่องเรือ กินลมชมทะเล ต้องบอกว่าชายหาดที่ยาวกว่า 40 กิโลเมตรของอุทยานแห่งนี้ เรียกได้ว่าไม่มีการตั้งรกรากของผู้คนอาศัยอยู่เลย มีแต่ชายหาดเล็กๆ ที่ยังเป็นธรรมชาติมากๆ ให้เราไปเล่นน้ำอาบแดดกันได้

Cala Goloritzè

Credit: iStock/Daniele Macis

คาลา โกโลริตเซ ชายหาดที่เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติ Parco nazionale del Golfo di Orosei e del Gennargentu

Mirto

Credit: iStock/OcsanaDen

มิร์โต เครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ รสชาติหวาน มีกลิ่นหอม ทำมาจากลูก Myrthle ถือเป็นเครื่องดื่มประเภท Digestif ไว้ดื่มหลังอาหาร เพื่อช่วยย่อย แช่เย็นๆ แล้วดื่มจะเพลินมากค่ะ ใครไปเที่ยวแนะนำให้ลองชิม ซื้อกลับมาเป็นของฝากก็ดี

Seadas

Pietro Di Fontana, CC BY-SA 4.0 https://creativecommons.org/licenses/by-sa/4.0, via Wikimedia Commons

เซอาดัส ของหวานที่ทำจากชีสชุบแป้งทอด แล้วราดด้วยน้ำผึ้ง เป็นของหวานชื่อดังแห่งซาร์เดญญา อร่อย และหนักหน่วงท้องอยู่เอาการ ทานหลังอาหารอาจจะหนักไปสักหน่อย ควรกินเป็นของว่างจะดีกว่า ใครสายแป้ง สายชีสต้องชอบแน่ๆ หนึบๆ หอมน้ำผึ้ง ทานแล้วติดใจแน่ๆ

Leave a Comment

พิ้นที่สำหรับคนรักอิตาลี!